รายการข้อเสนอบัตรเอทีเอมที่ดีที่สุดในเมืองไทยสมัครง่ายแค่กรอกฟอร์ม

จาก 1 ถึง 36 เดือน
ถึง 250000 บาท
28% ต่อปี
จาก 18 ถึง 62 ปี
จาก 1 ชม.

1-60 เดือน
ถึง 330000 บาท
1% ต่อปี
От 18 до 70 лет
ไม่กี่วัน

12-60 เดือน
ถึง 600000 บาท
8-22% ต่อปี
จาก 20 ปี
ราว 1 วัน

1-48 เดือน
ถึง 1800000 บาท
10-28% ต่อปี
20-70 ปี
1-2 วัน

1-12 เดือน
ถึง 900000 บาท
10-28% ต่อปี
18-62 ปี
24-48 ชม.

1-12 เดือน
ถึง 350000 บาท
20-28% ต่อปี
22-60 ปี
48 ชม.

1-60 เดือน
ถึง 1200000 บาท
4-28% ต่อปี
20-75 ปี
1 วัน

1-60 เดือน
ถึง 400000 บาท
12-28% ต่อปี
20-60 ปี
72 ชม

1-60 เดือน
ถึง 600000 บาท
12-28% ต่อปี
20-60 ปี
48 ชม.

1-48 เดือน
ถึง 500000 บาท
15-28% ต่อปี
22-62 ปี
1-2 วัน

1-48 เดือน
ถึง 300000 บาท
10-28% ต่อปี
20-60 ปี
24-96 ชม.

1-48 เดือน
ถึง 600000 บาท
8-28% ต่อปี
20-60 ปี
24 ชม.
ทำไมต้องเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มแบบแม่เหล็ก เป็นบัตร atm แบบชิปการ์ด
ในช่วงปี 2023 หรือ 2566 นี้หลายๆ คนคงได้รับ SMS แจ้งเตือนจากธนาคารให้ไปทำบัตร ATM ใบใหม่กันบ้างแล้ว เพราะภาครัฐออกกฎให้ประชาชนที่มีบัตรเครดิตเปลี่ยนจากการถือบัตร atm แบบแม่เหล็ก ไปเปลี่ยนบัตร atm แบบชิปการ์ดแทน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้งานบัตรนั่นเอง ซึ่งบัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ดจะปลอดภัยมากกว่า และช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหลายคนอาจยังสงสัยว่าทำไมต้องเปลี่ยน ต่างกันยังไง และบัตร atm แถบแม่เหล็กเป็นแบบไหน ที่นี่มีคำตอบ รับสมัครบัตรเอทีเอ็ม คลิกเลย! <---
ทำไมต้องเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็ม เป็นแบบชิปการ์ด
เหตุผลหลักๆ เลยที่จะต้องเปลี่ยนบัตร atm แบบแม่เหล็กให้เป็นชิปการ์ดก็เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บัตร เพราะเทคโนโลยีชิปการ์ดเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความปลอดภัยสูงมาก สามารถป้องกันการถูกมิจฉาชีพจรกรรมข้อมูลไปทำบัตรปลอมได้ ซึ่งในอดีตมีผู้ที่โดนแบบนี้มาเยอะมาก และเสียเงินไปโดยไม่ได้คืนกลับมา
ดังนั้นสถาบันการเงิน และธนาคารไทยก็ได้ร่วมกันผลักดันให้ทุกคนหันมาเปลี่ยนบัตร atm แถบแม่เหล็กเป็นแบบชิปการ์ดให้หมด ภายในปี 2566 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการยกระดับความปลอดภัยของประชาชนทุกคนในการทำธุรกรรมผ่านบัตรเอทีเอ็มนั่นเอง
บัตร atm แถบแม่เหล็กเป็นแบบไหน จะรู้ได้ไงว่าเราทันสมัยหรือยัง
สำหรับใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่าบัตรเอทีเอ็มที่ตัวเองใช้อยู่นี้มันทันสมัยหรือยัง ปลอดภัยแล้วหรือไม่ และบัตร atm แถบแม่เหล็กเป็นแบบไหนกันแน่ ก็ให้สังเกตง่ายๆ ตามลักษณะของบัตรดังนี้
บัตรชิปการ์ดทันสมัย : มีตัวชิปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กติดอยู่บนหน้าบัตร ส่วนด้านหลังยังเป็นรูปแบบเดิม มีแถบแม่เหล็กมีช่องสำหรับให้เซ็นชื่อลงไป
รับสมัครบัตร atm ชิปการ์ด คลิกเลย! <---
บัตรแถบแม่เหล็กแบบเก่า : จะไม่มีตัวชิปด้านหน้าบัตร จะมีเฉพาะแถบแม่เหล็กด้านหลังบัตรเท่านั้น
ซึ่งการสังเกตที่ง่ายดายแบบนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจได้ว่าบัตรของเราปลอดภัยหรือไม่ เพียงดูที่ชิปด้านหน้าบัตรเท่านั้น ถ้ามีอยู่แสดงว่าปลอดภัย แต่ถ้าไม่มีให้ติดต่อแจ้งกับธนาคารทันที เพราะแสดงว่าบัตรใบนั้นเป็นบัตร atm แถบแม่เหล็กแบบเก่า
เปลี่ยนบัตร atm จากแถบแม่เหล็ก เป็นชิปการ์ด เสียเงินมั้ย
คำถามนี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากเสียเงินโดยไม่จำเป็น ซึ่งถ้าเป็นการเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มในช่วงก่อนหน้านี้ ภายใน 15 มกราคม 2566 ยังให้บริการฟรีค่าธรรมเนียมเปลี่ยนบัตรอยู่ แต่ตอนนี้มันเลยมาแล้ว ทำให้มีค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนบัตรที่จะต้องจ่ายด้วย หลักร้อยบาท ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร เพราะราคาค่าเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มจะไม่เท่ากัน ดังนั้นติดต่อคอลเซนเตอร์ของแต่ละธนาคารเพื่อความชัวร์ดีที่สุด
รับบัตร atm แบบแม่เหล็ก คลิกเลย! <---
ถ้าไม่ได้เปลี่ยนบัตร ATM ภายใน 15 มกราคม 2566 จะเป็นยังไง
นอกจากบัตรของคุณจะไม่ปลอดภัยแล้ว บัตร atm แถมแม่เหล็กจะไม่สามารถใช้งานที่ตู้ ATM ต่างๆ ได้อีกต่อไป ถ้าต้องการใช้เงินจริงๆ ก็ต้องไปใช้ฟังก์ชั่นกดเงินแบบไม่ใช้บัตรที่ตู้ ATM แทน ซึ่งก็ต้องมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก โดยการโหลด mobile application มาก่อนถึงจะใช้งานได้ เพราะฉะนั้นเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น สะดวกสบายอย่างที่เคย ควรเปลี่ยนบัตร atm เป็นชิปการ์ดตอนนี้เลย